อาบน้ำแมว กี่ครั้ง ถึงจะเหมาะสม? เชื่อว่าเป็นคำถามที่ทาสหลาย ๆ คนสงสัยและกำลังหาคำตอบ เพราะเราต่างรู้กันดีว่าแมวนั้นเป็นสัตว์ที่เราจะมีภาพจำว่ารักความสะอาด เพราะมักจะมีการเลียหรือทำความสะอาดตนเองอยู่เสมอ จึงอาจไม่แน่ใจว่าเราจำเป็นต้องอาบน้ำให้เหล่าน้องแมวอีกหรือเปล่า หรือหากจำเป็นต้องทำ ควรทำความสะอาดหรืออาบน้ำน้อง ๆ กี่ครั้งจึงจะเหมาะสม ดังนั้น ในบทความนี้ Petology จึงมีคำตอบมาฝาก
อาบน้ำแมว กี่ครั้ง ดี ในหนึ่งเดือนควรดูแลเรื่องความสะอาดกี่ครั้งจึงจะพอดีกับน้องแมว?
หลายคนเชื่อว่าแมวเป็นสัตว์สะอาด และมักเลียขนตัวเองเพื่อทำความสะอาดอยู่เป็นประจำ แต่ความจริงแล้ว การเลียขนของน้องแมวนั้นไม่ได้ทำให้มีความสะอาดขึ้นเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะแมวที่มีขนยาว เพราะมีความหนาของขนมาก เสี่ยงต่อการหมักหมมของเชื้อรา เศษฝุ่น และสิ่งสกปรกได้ ดังนั้น การอาบน้ำแมวจึงเป็นหนึ่งในขั้นตอนการดูแลที่สำคัญเพื่อให้เจ้านายของเรานั้นมีสุขอนามัยที่ดีนั่นเอง
โรคที่อาจเกิดกับแมว ถ้าไม่ อาบน้ำแมว อย่างพอดี
ส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นโรคทางผิวหนังที่บรรดาเจ้าของน้องแมวต้องคอยเฝ้าระวัง ซึ่งประกอบด้วย…
เชื้อราแมว
เป็นโรคยอดฮิตที่เกิดขึ้นในแมวทุกชนิด โดยสาเหตุหลักคือความชื้น และเชื้อราที่อาจติดต่อมาจากแมวตัวอื่นๆ และที่ร้ายแรงกว่านั้นอาจติดต่อสู่เจ้าของได้ด้วย อาการที่สังเกตได้คือ ผิวหนังมีวงแดง ซึ่งอาจมาพร้อมอาการขนร่วงเป็นหย่อมๆ และแมวมักมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปเช่น ชอบเกาผิวหนังมากขึ้น ไม่ร่าเริง และเซื่องซึม
ขี้เรื้อนดีโมเด็กซ์
เชื้อโรคนี้จะอาศัยอยู่ในต่อมขน ส่งผลให้ผิวหนังบริเวณนั้นอักเสบบวมแดง และอาจกระจายไปทั่วร่างกายได้ ซึ่งหลายคนจะเรียกโรคนี้สั้นๆว่า โรคขี้เรื้อน อย่างไรก็ตามโรคนี้ไม่สามารถติดต่อสู่แมวตัวอื่นได้
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงโรคทางผิดหนังของน้องแมวส่วนหนึ่งที่ทาสต้องทำความรู้จักเท่านั้น ซึ่งยังมีโรคอีกมากมายที่ควรระวังและไม่ควรละเลยเป็นอันขาด
ไขข้อสงสัย! อาบน้ำให้น้องแมวควรอาบกี่ครั้งถึงจะเหมาะสม?
แม้ว่าแมวจะเป็นสัตว์ที่มีนิสัยรักความสะอาด ชอบเลียที่ขนของตัวเองเป็นประจำเพื่อทำความสะอาด แต่แท้จริงแล้วพฤติกรรมเลียขนไม่ได้ทำให้แมวสะอาดอย่างแท้จริง ดังนั้น การอาบน้ำแมวจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้เลี้ยงควรอาบน้ำประมาณ 1-3 เดือนครั้ง ส่วนแมวพันธุ์ขนยาวก็ควรอาบน้ำ 1-2 เดือนครั้ง เพราะขนอาจมีการสะสมของเชื้อโรคได้ง่ายกว่า
อาบน้ำแมวขนสั้นและขนยาวต่างกันไหม?
อาบน้ำแมวขนสั้นและขนยาวมีข้อแตกต่างกันเล็กน้อย แมวขนสั้นผิวหนังมักจะมันกว่าแมวขนยาว จึงควรเลือกใช้แชมพูสำหรับแมวขนสั้นโดยเฉพาะ และใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดตาและหู โดยเฉพาะบริเวณหูที่มักจะสกปรกกว่าแมวขนยาว และในระหว่างอาบน้ำแมว ควรเน้นทำความสะอาดบริเวณตากับหูอีกครั้ง
สำหรับแมวขนยาว อาจต้องมีการแปรงขนทั้งก่อนและหลังอาบน้ำเสร็จ เนื่องจากขนแมวที่พันกันจะทำให้ฝุ่นและสิ่งสกปรกติดผิวหนังแมวได้ง่าย นอกจากนี้ควรเช็ดขนแมวให้แห้งเร็วที่สุด เพราะอาจทำให้แมวป่วยได้
ขั้นตอนการอาบน้ำน้องแมวที่ถูกต้อง สำหรับทาสมือใหม่หัดอาบน้ำให้น้องแมว
การอาบน้ำก็ควรทำอย่างมีขั้นตอน ที่ถูกวิธี ซึ่งจะช่วยให้น้องแมวสะอาด ผิวหนังไม่ระคายเคือง และไม่เสียเวลาอาบนานจนเกินไปอีกด้วย โดยขั้นตอนคร่าวๆ ก็จะมีดังนี้
- นำน้ำลูบทำความสะอาดขน โดยระวังอย่าให้น้ำโดนบริเวณส่วนหัว
- ฟอกแชมพูไปที่ขนทั่วตัว ยกเว้นใบหู หน้า และจมูก
- ล้างทำความสะอาดทุกซอกทุกมุม จนกว่าฟองจะออกจนหมด
- ใช้ผ้าชุบน้ำพอหมาด นำมาเช็ดบริเวณหัว ใบหน้า จมูก และใบหู หลังจากนั้นนำสำลีชุบน้ำเช็ดบริเวณด้านในหู
- ซับน้ำด้วยผ้าขนหนูให้แห้ง ก่อนนำไดร์เป่าขนเบอร์ระดับต่ำสุด เพื่อไม่ให้น้องแมวตกใจกลัว เป่าจนกว่าจะมั่นใจว่าแห้งสนิท โดยอย่าลืมตรวจสอบบริเวณขนด้านใน โดยเฉพาะแมวที่มีขนยาว
โดยนี่เป็นเพียงขั้นตอนเบื้องต้นเท่านั้น ซึ่งเจ้าของบางท่านอาจมีขั้นตอนการอาบน้ำที่แตกต่างกันออกไปได้เช่นกัน
ป้องกันการเกิดเชื้อราด้วย “เครื่องเป่าขน” หลังอาบน้ำเสร็จ ขจัดความชื้นอันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเชื้อราในน้องแมว
น้องแมว กับน้ำ เรียกได้ว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาอย่างยาวนาน เพราะกว่าจะจับอาบน้ำได้แต่ละที ต้องงัดทุกกลเม็ดเทคนิคให้น้องแมวยอมโดนน้ำ หลังจากนั้นยังต้องมาจับเป่าขนอีก พูดเท่านี้เชื่อว่าทาสแมวหลายคนคงเข้าใจสถานการณ์แบบนี้เป็นอย่างดี แต่รู้หรือไม่ว่า การอาบน้ำเป่าขนที่ไม่มีประสิทธิภาพนั้น อาจส่งผลให้แมวเป็นเชื้อรา และโรคผิวหนังได้
ดังนั้น การทำความสะอาดร่างกายของสัตว์เลี้ยงเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของเจ้าของ เนื่องจากภาวะเชื้อราของน้องแมวสามารถเป็นพาหะนำเชื้อโรคมาสู่เจ้าของได้ การอาบน้ำแมวจึงเป็นเรื่องที่ควรทำเป็นประจำสม่ำเสมอ แต่การอาบน้ำหรือเป่าขนไม่ถูกวิธีสามารถก่อให้เกิดโรคเชื้อราในแมวได้เช่นกัน ดังนั้น จึงควรมีเครื่องเป่าขนสัตว์ที่มีประสิทธิภาพมากพอทั้งในส่วนของการเป่าขนให้แห้งและกำจัดแบคทีเรียให้หมดไปเพื่อป้องกันการเกิดเชื้อราให้ดีมากขึ้น
ติดตามรายละเอียดเครื่องเป่าขน จาก Petology เพิ่มเติมที่…
PEPE DR-300 PRO เครื่องเป่าขนสัตว์เลี้ยง
PEPE DR-100 PRO เครื่องเป่าขนสัตว์เลี้ยง
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่เจ้าของไม่ควรลืมคือต้องเลือก เป่าขนด้วยเครื่องเป่าลมที่มีกำลังสูง แต่มีเสียงที่เบา จึงทำให้น้องแมวไม่ตกใจง่าย พร้อมกันนี้ยังสามารถเป่าขนได้แห้งทั้งขนชั้นนอก และขนชั้นในสำหรับน้องแมวที่มีขนหนาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด