2
แมวจามบ่อย เกิดจากอะไร ไม่สบายหรือแพ้ฝุ่นทรายแมวกันแน่?

แมวจามบ่อย เกิดจาดอะไรกันแน่? เป็นที่ทราบกันดีว่าการที่น้องแมวมีอาการจามนั้นเป็นเรื่องปกติ แต่หากจามบ่อย ๆ จนน่าสงสัย เหล่าทาสก็ควรรีบหาคำตอบโดยเร็ว ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้น้องแมวมีอาการจามบ่อย ๆ นั้น มักมาจาก 2 สาเหตุคือ การเป็นไข้หวัด และ การแพ้ฝุ่น (ซึ่งอาจมาจากทรายแมวที่ใช้อยู่) นั่นเอง แต่เราจะรู้ได้อย่างไร ว่าอาการจามของน้องแมวที่เห็นอยู่มาจากสาเหตุใดกันแน่ ในบทความนี้ Petology รวบรวมข้อมูลสำหรับการสังเกตอาการของน้องแมวมาฝากกัน

แมวจามบ่อย เกิดจากอะไร เป็นหวัด VS แพ้ฝุ่นทรายแมว อาการเหมือนกันหรือไม่?

อาการจามในคนมักเกิดจากหลากหลายสาเหตุ อาจจะเป็นได้ทั้งอาการเบื้องต้นของการเป็นหวัด หรือในบางครั้งอาจแค่ได้รับการระคายเคืองบางอย่างทำให้จามออกมา ซึ่งในน้องแมวเองก็มีสาเหตุการจามได้ไม่ต่างจากมนุษย์เรา แต่ว่าสัตว์เลี้ยงไม่สามารถบอกอาการของตัวเองได้ว่าจามเพราะอะไร เช่นนั้นแล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าแมวจามเกิดจากสาเหตุอะไร และการจามนี้ควรเป็นเรื่องที่ต้องกังวลหรือไม่ มาดูพร้อม ๆ กัน

แมวจามบ่อยเกิดจากอะไร?

เมื่อแมวมีอาการจามฟุดฟิดหรือแมวจามบ่อย อาจมีสาเหตุมาจากไข้หวัดแมวหรืออย่างอื่นก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นละออง สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป หรือมีอะไรเข้าไปในจมูกจนทำให้เกิดอาการระคายเคืองก็ตาม หากแมวจามบ่อย จามเป็นช่วง ๆ แต่ไม่ได้มีอาการอื่น ๆ เพิ่มเข้ามา ก็อาจเป็นไปได้ว่าแมวระคายเคืองจมูก หรือแพ้บางสิ่งบางอย่างอยู่ในขณะนั้น

แต่ถ้าแมวจามบ่อยเกินไป จามติดต่อกันหลาย ๆ วัน ต้องกังวลได้แล้วนะครับ เพราะแมวของเราอาจจะกำลังเป็นหวัดแมวหรือโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจอยู่ก็ได้ สำหรับโรคหวัดแมวจะมีอาการอื่น ๆ ร่วมกับอาการจามด้วย เช่น น้ำมูกไหล เบื่ออาหาร มีขี้ตา กินน้อย เชื่องซึม อยู่นิ่ง ๆ ไม่ค่อยขยับตัวไปไหน มีไข้ ทำท่ากลืนบ่อย ๆ หรือมีหนังตาชั้นที่ 3 ยกสูงขึ้น แนะนำให้รีบพาน้องแมวเข้าไปตรวจรักษากับสัตวแพทย์โดยด่วน (ไม่จำเป็นต้องมีครบ เพียงแค่มีอาการใดอาการหนึ่งจากที่กล่าวมานี้ ก็ควรพาน้องแมวไปหาหมอ

ไข้หวัด VS แพ้ฝุ่น สังเกตอาการยังไง มีอาการจามเหมือนกัน ทาสจะแยกยังไงให้ออก?

จากที่ได้บอกไปว่า ทั้ง 2 อาการนี้อาการที่เด่นชัดหลัก ๆ คือน้องแมวมีอาการจาม แต่ทั้ง 2 ภาวะนี้จะมีอาการร่วมที่แตกต่างกัน ดังนี้..

ไข้หวัดแมว อาการ

  • แมวจามบ่อย มีน้ำมูกไหล (น้ำมูลอาจจะเริ่มจากใส ๆ ก่อน แล้วค่อยเริ่มข้นเขียวได้)
  • แมวไอ ซึ่งอาจจะมีเสมหะหรือไม่มีเสมหะเจือปนก็ได้ ถ้าไอบ่อย ๆ
  • ก็มีโอกาสที่จะหลอดลมอักเสบได้
  • ตาอักเสบ บวมแดง ขี้ตาเยอะ แมวตาแฉะ และมีน้ำตาไหลออกมา
  • เหงือกและลิ้นไม่ปกติ ช่องปากอักเสบ มีแผลในช่องปาก ทำให้แมวกินอาหารได้น้อยลง หรือไม่กินอาหารเลย
  • เชื่องซึม ไม่ร่าเริง ไม่ค่อยขยับร่างกาย นอนอยู่กับที่ตลอดทั้งวัน เบื่ออาหาร

แพ้ฝุ่นทรายแมว อาการ

  • หนึ่งในอาการที่สังเกตได้ง่ายที่สุดคืออาการคัน แมวจะเกาและกัดตัวเองบ่อยผิดปกติ บางครั้งก็อาจมีอาการขนร่วงร่วมด้วย
  • มีอาการน้ำมูกไหล จามบ่อย ตาแดงหรือมีน้ำตาไหลออกมามาก โดยเกิดจากการสูดดมสารก่อภูมิแพ้ในอากาศเข้าไป
  • แมวอาจกัดอุ้งเท้าบ่อยขึ้น พฤติกรรมเปลี่ยนไป และมีปัญหาระบบทางเดินหายใจร่วมด้วย

โดยหลัก ๆ หากพิจารณาจากอาการร่วมอาจสามารถคาดเดาอาการได้ อย่างไรก็ตามหากน้องแมวเริ่มมีอาการรุนแรงควรรีบเข้าพบสัตวแพทย์ให้เร็วที่สุด

“ทรายแมว” สาเหตุสำคัญของอาการแพ้ฝุ่นในน้องแมวที่ทาสอาจไม่เคยรู้

พออ่านมาถึงส่วนนี้หลาย ๆ คนอาจพอนึกภาพออกแล้วว่าทำไมทรายจึงเกิดฝุ่นขึ้นมาได้ ซึ่งนอกจากฝุ่นที่เกิดขึ้น มันยังมีสารบางชนิดที่มากับฝุ่นในทรายอีกด้วย ทรายแมวที่เรารู้จักโดยทั่วไปมักจะทำมาจากเบนโทไนท์ ก่อให้เกิดฝุ่นในขณะที่แมวกลบฉี่ เมื่อเข้าสู่ร่างกายแมว หรือคนเลี้ยงเยอะๆเป็นเวลานานๆ อารมณ์เหมือนเราซูดฝุ่น PM2.5 ที่อันตรายเมื่อเข้าสู่ร่างกาย ฝุ่นจากทรายแมวก็เช่นเดียวกัน หากได้รับในปริมาณเยอะและต่อเนื่องจะก่อให้เกิดโรค เช่นโรคระบบทางเดินทางหาย โรคมะเร็งปอด โรคไต และย่อยสลายตามธรรมชาติได้ยาก ดังนั้น ในการเลือกทรายให้กับน้องแมว เราจึงจำเป็นต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก

4 วิธีการเลือกทรายแมว ทริคง่าย ๆ ที่ทาสควรนำไปใช้ ป้องกันอาการแพ้ของเจ้านายสุดที่รัก

ทรายแมวมีหลายประเภท เช่น ทรายแมวเบนโทไนท์ (ทรายแมวภูเขาไฟ) ทรายแมวภูเขาไฟ ทรายแมวธรรมชาติ และทรายแมวคริสตัล แต่ละประเภทก็มีข้อดี – ข้อเสีย แตกต่างกัน เราไปดูกันว่าทรายประเภทไหนเหมาะกับใครและเหมาะกับการใช้งานอย่างไร

1.เลือกทรายแมวเบนโทไนท์ที่เป็น Dust-Free

เพราะคล้ายทรายจริง ลดฝุ่นฟุ้งกระจาย เหมาะกับการเลี้ยงแบบระบบเปิดหรือกึ่งปิดกึ่งเปิด สำหรับในประเทศไทย ทรายแมวเบนโทไนท์ (ทรายแมวภูเขาไฟ) เป็นทรายที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ เพราะเป็นทรายแมวตัวแรก ๆ ที่เข้ามาในไทย หาซื้อได้ง่ายอีกทั้งยังมีราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับทรายประเภทอื่นอีกด้วย

2.เลือกทรายแมวธรรมชาติ (หากเน้นเรื่องความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัยและความสะดวกในการทิ้ง)

ความนิยมรองจากทรายแมวภูเขาไฟหรือทรายแมวเบนโทไนท์นั้น คงจะเป็นทรายแมวธรรมชาติ เพราะผู้ที่เลี้ยงแมวในปัจจุบันมีการเลี้ยงเป็นระบบปิดมากขึ้น เช่น การเลี้ยงในห้องพักหรือคอนโดมิเนียมที่ระบบการระบายอากาศอาจไม่ดีเท่าการเลี้ยงในพื้นที่เปิด ดังนั้น การอยู่ร่วมกันระหว่างคนและแมวจึงจำเป็นต้องเลือกทรายแมวที่มีความธรรมชาติ ปลอดภัยต่อร่างกายมากขึ้นนั่นเอง

3.เลือกทรายแมวธรรมชาติที่ทำจากวัสดุที่แห้ง ปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดฝุ่นและเชื้อรา

โดยปกติแล้วเชื้อราในทรายแมวจะเกิดขึ้นได้ค่อนข้างยาก แต่สำหรับทรายแมวธรรมชาติที่ไม่ได้มาตรฐานหรือผ่านกระบวนการผลิตที่ทำให้แห้งได้ไม่ดีพอก็อาจจะทำให้ขึ้นราได้ง่าย นอกจากนี้ การปล่อยให้ของเสียที่แมวขับถ่ายออกมาค้างอยู่ในกระบะทรายเป็นเวลานานโดยไม่กำจัดหรือรีบทำความสะอาดจนเกิดความชื้นสะสมก็เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการเกิดเชื้อราเช่นกัน

4.ตรวจสอบทรายแมวที่อาจมีส่วนผสมของน้ำหอมเพื่อกลบกลิ่น

ทรายแมวแต่ละประเภทที่กล่าวมาข้างต้นจะมีการใส่กลิ่นต่าง ๆ ลงไป เช่น กลิ่นกาแฟ กลิ่นเลมอน และกลิ่นอื่น ๆ มีจุดประสงค์เพื่อช่วยในการกลบกลิ่นของเสียที่แมวขับถ่ายให้ไม่เหม็นฉุนจนเกินไปนัก รวมถึงช่วยในการสร้างกลิ่นเพื่อให้เจ้าของแมวรู้สึกดี ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เปิดถุงทรายห่อใหม่หรือจะเป็นตอนที่เติมทรายเข้ากระบะ

อย่างไรก็ตาม ต้องไม่ลืมสังเกตความชอบของบรรดาเจ้านายด้วยว่าชอบทรายแบบไหน เพื่อที่จะได้นำมาประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้ออีกทางหนึ่งด้วย ทั้งนี้ ทาสแมวอาจรู้สึกหนักใจเมื่อแมวเป็นภูมิแพ้ แต่ไม่ต้องกังวล เพราะหากรู้วิธีสังเกตและลักษณะอาการของโรค ทาสก็จะสามารถหาวิธีแก้ไขได้อย่างเหมาะสม ซึ่งอาจเริ่มต้นด้วยการเลือกทรายให้ตอบโจทย์ทั้งความชอบและเพื่อสุขภาพของเจ้าเหมียวนั่นเอง

SAND HERE ทรายแมวภูเขาไฟ จาก Petology

 

 

Sand Here ทรายแมวตราแมวถือธงวิ่งขึ้นยาน พร้อมประจัญบานกับของเสียแมวทั่วจักรวาล ใช้กับกระบะทรายธรรมดาก็ได้ ใช้กับห้องน้ำแมวอัตโนมัติยิ่งดี ปลอดภัยไร้สารเคมี มีดีกรีจากอเมริกา ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม >> SAND HERE ทรายแมวภูเขาไฟ

Lazada
Shopee
Line
Messenger
Messenger
Line
Shopee
Lazada