ดูยังไงว่าแมวร้อน? เป็นคำถามที่ทาสหลาย ๆ คนต้องการทราบคำตอบโดยเฉพาะในช่วงที่มีอากาศร้อนเช่นนี้ โดยตั้งแต่ก้าวเข้าสู่หน้าร้อนเมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ทุก ๆ คนต่างต้องดูแลตนเองให้ห่างไกลจากอาการเจ็บป่วยที่อาจมาช่วงหน้าร้อนให้ดีที่สุด ซึ่งนอกจากตัวเราแล้ว น้องแมว ก็ต้องการการดูแลจากเราเป็นพิเศษเช่นกัน จะว่าไปแล้วพวกเขารู้สึกร้อนยิ่งกว่าเราด้วยซ้ำ เพราะไม่มีต่อมเหงื่อระบายความร้อนมากเท่าคน แถมบางสายพันธุ์ยังมีขนปกคลุมยิ่งทำให้น้อง ๆ อบร้อนมากเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม จากคำถามข้างต้น ว่าเราจะรู้ได้อย่างไรเมื่อเจ้านายมีอาการร้อน เพื่อให้ทาสได้ศึกษาอาการได้เพิ่มเติมมากขึ้น ในบทความนี้ Petology มีคำตอบ
ดูยังไงว่าแมวร้อน แชร์ทริคสังเกตเจ้านาย เมื่อรู้สึกร้อนจะมีอาการยังไง ทาสศึกษาไว้จะได้ช่วยถูกวิธี
ต้องบอกก่อนว่า การที่แมวหอบหายใจถี่มาก ๆ จนลิ้นออกมาภายนอก อาจจะเกิดจากอากาศที่ร้อนหรือภาวะตึงเครียด หรือออกกำลังกายมา อาการเหล่านี้ถือว่าปกติถ้าได้พักสักนิดก็จะดีขึ้น แต่ถ้าหากไม่ได้มีการทำในสิ่งที่กล่าวมาก่อนหน้านี้ให้สังเกตอาการตามนี้ร่วมด้วย เช่น เวลา ไอมีเสียงวี้ด ๆ ออกมาไหม หายใจเร็ว ซึม อ่อนเพลีย เป็นต้น ซึ่งอาการเหล่านี้เป็นเพียงอาการเริ่มต้นเท่านั้น และเพื่อให้เหล่าทาสได้ศึกษาอาการร่วมอื่น ๆ เพิ่มมากขึ้น ในบทความนี้ Petology ได้นำข้อมูลมาฝาก
ทำความเข้าใจ “วิธีระบายความร้อนของแมว”
แมวระบายความร้อนทางไหน? เชื่อได้ว่าเป็นคำถามที่ทาสหลาย ๆ คนอยากทราบ ต้องบอกก่อนว่าโดยปกติแมวจะระบายความร้อนได้ที่อุ้งเท้า ใบหู และทางปากได้เหมือนหมา แต่ต้องร้อนมากจริง ๆ ถึงจะลิ้นห้อยและมีอาการหอบแฮ่กเหมือนที่ทาสหลาย ๆ คนเคยเห็น โดยอาการหอบแฮ่กที่ได้กล่าวไปข้างต้น เป็นปฏิกิริยาตอบสนอง เมื่อสัตว์รู้สึกร้อนเกินไป เครียด กระวนกระวาย หรือเหนื่อยจากการออกกำลังกายเยอะ ๆ อาการเหล่านี้จะค่อย ๆ หายไป หรือลดลงเมื่อสัตว์ได้พักเช่นเดียวกับคน แต่ก็ควรดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่ควรละเลยอย่างเด็ดขาด
5 “อาการแมวร้อน” ที่ทาสต้องรู้ มีอะไรบ้าง?
สำหรับ วิธีดูว่าแมวร้อนไหม นั้นสามารถทำได้ง่าย ๆ โดยทาสสามารถเริ่มต้นจากการสังเกตจากอาการต่าง ๆ เหล่านี้…
- น้องแมวจะรู้สึกกระหายน้ำมากกว่าปกติ
- มีอาการหอบ บางตัวมีการอ้าปาก ลิ้นห้อย
- หัวใจเต้นเร็ว
- มีอาการกระสับกระส่าย
- ในกรณีที่ผิดปกติมักมีอาการเหงือกแห้ง อ่อนแรง ร่วมด้วย
ซึ่งอาการเหล่านี้จะเป็นอาการเบื้องต้นที่ทาสสามารถสังเกตได้ง่ายและเป็นสัญญาณที่ชัดเจนที่สุดที่แสดงให้เห็นว่าน้องแมวรู้สึกร้อนอยู่
แมวร้อนแลบลิ้น ทําไง? ควรดูแลเบื้องต้นยังไงให้อาการหอบของน้องแมวดีขึ้น
“แมวร้อน อ้าปาก” อาการที่ทาสหลาย ๆ คนเป็นกังวล โดยการดูแลเบื้องต้นทำได้โดยรีบย้ายสัตว์เลี้ยงไปอยู่ในที่อากาศถ่ายเทสะดวก เปิดหน้าต่างและเปิดพัดลมส่ายไปมาเบา ๆ แต่ไม่ควรเปลี่ยนอุณหภูมิห้องโดนฉับพลัน เพราะอาจจะทำให้สัตว์เกิดอาการช็อคได้
จากนั้นค่อย ๆ ให้สัตว์เลี้ยงกินน้ำทีละน้อย ใช้ผ้าชุบน้ำอุณหภูมิห้อง หรือน้ำที่เย็นกว่าอุณหภูมิห้องเล็กน้อย เช็คตัวสัตว์เลี้ยงบริเวณใต้ฝ่าเท้า รักแร้ ขาหนีบ ง่ามนิ้วต่าง ๆ เพื่อช่วยระบายความร้อนในร่างกาย
อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดความผิดปกติขึ้นในร่างกาย สัตว์เลี้ยงจะไม่สามารถพูดกับเราได้ว่าตัวเองกำลังเป็นอะไร เจ้าของต้องดูแลและคอยสังเกตอาการความผิดปกติอยู่เสมอ ทั้งนี้ ควรเตรียมน้ำไว้ให้เพียงพอวางไว้หลาย ๆ จุดเพื่อให้สัตว์เลี้ยงมีน้ำกินได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศร้อนมาก ๆ จะเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ช่วยได้
4 ทริค! กระตุ้นเจ้าเหมียวให้กินน้ำเยอะขึ้น ลดความเสี่ยงในการเกิดอาการหอบให้น้อยลง
จากที่บอกไปว่าการกระตุ้นเจ้านายให้กินน้ำเยอะขึ้นนั้น ต้องเน้นไปที่น้ำและภาชนะใส่น้ำ ดังนั้น ทาสสามารถเริ่มต้นใช้ทริคง่าย ๆ จาก 4 ทริค ดังนี้…
1.หลีกเลี่ยงการวางชามน้ำใกล้กับชามอาหาร
หากแมวไม่ค่อยกินน้ำ แนะนำให้วางชามน้ำห่างจากชามอาหาร วิธีนี้ช่วยกระตุ้นให้ลูกแมวกินน้ำมากขึ้นได้ และควรวางชามน้ำไว้หลาย ๆ จุดรอบตัวบ้าน
2.ชนิดของน้ำที่ถูกใจ
อาจเป็น น้ำประปาที่ผ่านการกรอง , น้ำฝนที่รองเก็บอย่างสะอาด , น้ำสะอาดจากน้ำขวดสำเร็จรูป รวมไปถึงอุณหภูมิของน้ำ ควรจะมีปริมาณอุณหภูมิที่ เท่ากับ อุณหภูมิห้อง เนื่องจาก แมวไม่ชอบกินน้ำ ที่เย็นเกินไป ดังนั้น เหล่าทาสควรสังเกตเจ้านายและพยายามปรับให้ตรงความต้องการ จะช่วยใหพฤติกรรมการกินน้ำของน้องแมวดีขึ้น
3.เปลี่ยนชามน้ำใหม่
ลักษณะของชามก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้แมวไม่ดื่มน้ำ แนะนำให้เลือกชามน้ำที่มีขอบเตี้ยและปากกว้าง คุณอาจเลือกใช้ชามสเตนเลสหรือน้ำพุแมว เพราะช่วยให้น้ำเย็นและสดชื่นได้นานกว่ามาก อย่าลืมทำความสะอาดชามน้ำเป็นประจำด้วย
4.การใช้น้ำพุแมวเรียกความสนใจ
เพราะ แมวบางตัวชอบกินน้ำที่มีการเคลื่อนไหว ดังนั้น เจ้าของอาจลองลองเลือกใช้น้ำพุแมว , น้ำก๊อกหยด หรือ อ่างอาบน้ำ ที่มีน้ำอยู่ข้างในเพียงเล็กน้อย เพื่อสร้างแหล่งน้ำใหม่ ๆ
ดูรายละเอียดน้ำพุแมวจาก Petology เพิ่มเติม >> CATLINK PURE 1 น้ำพุแมวอัจฉริยะ บันทึกข้อมูล ควบคุมผ่านแอปพลิเคชัน
สุดท้ายนี้ หากบ้านไหนไม่เคยใช้น้ำพุแมวและกำลังตัดสินใจจะเปลี่ยนจากที่ให้น้ำแบบธรรมดามาใช้น้ำพุแมว ก่อนการการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่แนะนำนั้น ให้ทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพราะ น้องแมวไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง อย่างรวดเร็วกระทันหัน และ อาจทำให้น้องแมว เกิดการปฏิเสธสิ่งใหม่ ๆ ได้
สรุปข้อควรรู้เกี่ยวกับ “อาการร้อนของน้องแมว”
อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดความผิดปกติขึ้นในร่างกายน้องแมวจะไม่สามารถพูดกับเราได้ว่าตัวเองกำลังเป็นอะไร เจ้าของต้องดูแลและคอยสังเกตอาการความผิดปกติโดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อน ทั้งนี้ หากพบว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นกับสัตว์เลี้ยงควรรีบปฐมพยาบาลเบื้องต้นและรีบพาไปพบสัตว์แพทย์ทันที