แมวฮีทสโตรก อันตรายช่วงหน้าร้อนที่เหล่าทาสต้องเฝ้าระวัง!

“แมวฮีทสโตรก” หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้น้องแมวเสียชีวิตมากที่สุดในช่วงหน้าร้อน ซึ่งแม้ทางการแพทย์จะกล่าวไว้ว่าอาการนี้จะสามารถเกิดขึ้นได้ทุกฤดู แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าช่วง Summer นี้เป็นหนึ่งสาเหตุหลักที่กระตุ้นให้เหล่าเจ้านายเกิดภาวะนี้ขึ้นมา อย่างไรก็ตาม จากที่เราทราบกันดีว่า ในกรณีที่ร้ายแรงที่สุด เหล่าน้องแมวสามารถเสียชีวิตได้จากภาวะนี้ ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือเหล่าทาสต้องศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับภาวะนี้เอาไว้พร้อมวิธีรับมือเพื่อที่จะได้ช่วยเหลือได้ทันหากน้องแมวเกิดอาการกำเริบขึ้นมานั่นเอง

“แมวฮีทสโตรก” ภัยร้ายเสี่ยงอันตรายถึงชีวิตในช่วงหน้าร้อนที่ควรระวัง

พอเข้าสู่ช่วงฤดูร้อน คงไม่ต้องพูดถึงสภาพอากาศว่าร้อนระอุแค่ไหน อากาศร้อนๆ แบบนี้มีหลายโรคที่ต้องระวังโดยเฉพาะ “ฮีทสโตรก” ที่ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เลี้ยงหรือคนก็สามารถเกิดขึ้นได้ ซึ่งฮีทสโตรกที่ได้กล่าวมานี้ถือเป็นสาเหตุหนึ่งในการเสียชีวิตของสัตว์เลี้ยงที่ควรสังเกต ป้องกัน และเฝ้าระวังอย่างมากเนื่องจากฤดูร้อนของไทยในทุกปี มีอุณหภูมิสูง และอากาศร้อนอบอ้าว ดังนั้น การทราบถึงรายละเอียดของภาวะเสี่ยงนี้พร้อมวิธีรับมือจึงสำคัญกับเจ้าของเป็นอย่างมากนั่นเอง

ฮีทสโตรกในแมว เกิดจาก…

“ฮีทสโตรก” เป็นโรคที่อันตรายมากหากเกิดขึ้นกับสัตว์เลี้ยง ซึ่งเจ้าของสัตว์เลี้ยงส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าโรคนี้เป็นโรคที่ต้องระวังในหน้าร้อนเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงฮีทสโตรกในสัตว์เลี้ยงสามารถเกิดได้ทุกที่ ทุกเวลา ทุกฤดูกาล เพียงแต่ช่วงหน้าร้อนจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมากที่สุด เนื่องจากอุณหภูมิภายนอกร้อนระอุ การระบายความร้อนของสัตว์เลี้ยงจึงทำได้ยาก

โดยอาการฮีทสโตรกสามารถเกิดขึ้นได้ง่ายและพบได้บ่อยในสุนัขและแมว โดยเฉพาพันธุ์ที่ขนยาว ขนหนา และพันธุ์หน้าสั้น แถมอาการนี้ยังเกิดขึ้นได้ง่ายเพราะมีปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมภายนอกที่ส่งผล คือ สภาพอากาศร้อนชื้น การอยู่ในพื้นที่อบอ้าวอากาศถ่ายเทไม่ดี เมื่อร่างกายของสัตว์ได้รับความร้อนมากเกินไปจะทำให้เขาเกิดความเครียด ส่งผลให้ปริมาณเลือดที่หมุนเวียนในร่างกายลดลงจนความดันเลือดต่ำ หัวใจสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายได้น้อยลง การระบายความร้อนที่ต้องอาศัยเลือดเป็นสื่อกลางเกิดความบกพร่อง ความร้อนจึงสะสมอยู่ในร่างกายจนก่อให้เกิดภาวะฮีทสโตรก (Heat Stroke) ตามมา ไม่ว่าจะเป็นน้องหมา น้องแมว กระต่าย หรือสัตว์ต่าง ๆ หากอาการรุนแรงสัตว์เหล่านี้อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

ฮีทสโตรกในแมว อาการ สังเกตได้จากอะไรบ้าง?

สำหรับเหล่าทาสที่อาจไม่ทราบถึงอาการที่แน่ชัดของภาวะฮีทสโตรกในแมวว่าเป็นอย่างไร สามารถสังเกตได้จากอาการต่าง ๆ เหล่านี้…

  • อาการหายใจรุนแรง หายใจไม่ทัน อ้าปากค้าง และหอบมากกว่าปกติ
  • มีน้ำลายที่ยืด เหนียวมากกว่าปกติ เซื่องซึม นอนอยู่กับที่ไม่ขยับ หรือเดินเซ
  • ม่านตาขยาย นิสัยเปลี่ยนไป จำเจ้าของไม่ได้ หรือดุกว่าปกติ ในระยะเวลาสั้นๆ
  • ตา เหงือก และลิ้นจะแดงกว่าปกติ หากอาการรุนแรงมากจะมีสีซีด
  • อุณหภูมิของสัตว์เลี้ยงจะสูงถึง 40.5 องศาฯ ด้วยการวัดจากปรอททางทวารหนัก หรือการสัมผัส

ซึ่งข้อสังเกตต่าง ๆ เหล่านี้เป็นอาการเบื้องต้นที่ถ้าหากเกิดขึ้นกับเจ้านาย ก็สามารถอนุมานได้ว่ากำลังตกอยู่ในภาวะฮีทสโตรก ดังนั้น จึงควรแก้ไขให้เร็วที่สุด

แมวฮีทสโตรก ทําไง? 4 วิธีรับมือที่เหล่าทาสควรรู้เมื่อเจ้านายเกิดอาการ!!

สำหรับ 4 ขั้นตอนการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อแมวเกิดอาการฮีทสโตรก ประกอบด้วย…

1. นำแมวเข้ามาในร่มที่มีลมโกรก หรือสถานที่ที่มีจุดกำบังแดดโดยเร็วที่สุด

2. ปลดพันธนาการของแมวทั้งหมด (หากมี) เช่น โซ่ สร้อยคอ เสื้อผ้า

3. นำผ้าเปียกน้ำอุณหภูมิปกติบิดหมาด (ไม่ร้อนหรือเย็นจนเกิดไป) มาเช็ดให้แมวตามตัว ฝ่าเท้า ขาหนีบ เพื่อคลายความร้อน และปรับอุณหภูมิในร่างกาย

4. ส่งแมวให้ถึงมือสัตวแพทย์ เพื่อทำการรักษาต่อในลำดับถัดไป

สิ่งสำคัญ

วิธีการป้องกันโรคฮีตสโตรกในแมวเบื้องต้น มีอะไรบ้าง มาดูกัน!!

จากที่ได้บอกไปว่า อาการฮีทสโตรก  มักเกิดในช่วงที่มีอากาศร้อนจัดและมีความชื้นสูง เจ้าของต้องคอยสังเกตอาการสัตว์เลี้ยงของตนเองบ่อย ๆ ในกรณีที่เลี้ยงสุนัขเวลาเขาวิ่งเล่นหรือออกกำลังกาย หากสุนัขดูหอบมากกว่าปกติ อาจเป็นสัญญาณเริ่มแรกของฮีทสโตรก ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นน้องสุนัขหรือน้องแมว เจ้าของควรหลีกเลี่ยงให้สัตว์เลี้ยงไปอยู่ในบริเวณที่อากาศร้อนและอากาศถ่ายเทไม่ดี และวางน้ำไว้ให้สัตว์ได้กินตลอดเวลา อาจจะเพิ่มน้ำแข็งสักก้อนให้เขาได้เลียคลายความร้อน

4 วิธีกระตุ้นให้แมวกินน้ำได้มากขึ้น ป้องกันอาการฮีทสโตรกช่วงหน้าร้อน

สำหรับแมวบ้านไหนเจ้าของประเมินดูแล้วแมวกินน้ำน้อยมากๆ และอยากหาวิธีกระตุ้นให้แมวกินน้ำเยอะขึ้น วันนี้เรามีเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ มาแนะนำกันครับ

1.ทำความสะอาดชามน้ำดื่มบ่อยๆ

แมวค่อนข้างเป็นสัตว์ที่รักสะอาด ดังนั้นเขาจะมีความใส่ใจเรื่องอาหารการกิน-น้ำดื่มต่างๆ มาก และแมวไม่ชอบอย่างมากถ้าเจอน้ำดื่มที่มีกลิ่นและมีสกปรกมีเศษผง เส้นขน คราบน้ำลาย หรือสิ่งสกปรกมากมายลงไปในชามน้ำของเขา ดังนั้นการทำความสะอาดชามใส่น้ำบ่อยๆ และเปลี่ยนน้ำเป็นประจำจะเป็นการรักษาความสะอาด เพิ่มความสุขอนามัยในแมวรู้สึกอยากดื่มน้ำมากขึ้นได้

2. ย้ายที่วางชามอาหาร-น้ำ

แมวหลายๆ ตัวมีความอ่อนไหวสูงกับสถานที่วางอาหาร โดยแมวจะไม่ชอบสถานที่ ๆ มีคนเยอะ มีเสียงดังมาก ๆ เพราะมันจะเป็นการปลุกสัญชาตญาณความระวังตัวของเขาให้พุ่งขึ้นมา ทำให้ไม่สามารถดื่มน้ำ-กินอหารได้เต็มที่ เหมือนกันกับคนนี่แหละครับ ที่ถ้าเราได้ทานอาหารในที่ ๆ ไม่สบายใจก็จะทำให้ทานได้น้อยลงนั่นเอง ดังนั้นควรหาที่วางชามอาหาร-น้ำในที่ส่วนตัว หรือในห้องของเขาจะดีที่สุด

3.ชามอาหาร-น้ำอยู่ใกล้กับห้องน้ำแมว / กระบะทราย

ในหลายๆ บ้านมักจะจัดโซนสัตว์เลี้ยงเป็นสัดส่วนซึ่งช่วยให้บ้านมีระเบียบเป็นสัดเป็นส่วนดี โดยเฉพาะคนที่วางชามอาหาร-น้ำไว้ใกล้กับห้องน้ำแมวหรือกระบะทรายทราบหรือไม่ว่านี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้แมวดื่มน้ำน้อยลง ซึ่งในแมวที่มีนิสัยรักความสะอาดมาก ๆ เขาจะไม่ทานอาหารหรือน้ำที่วางใกล้กับห้องน้ำเด็ดขาด เพราะว่ากลิ่น ฝุ่นทราย เศษทรายต่างๆ อาจจะหล่นลงไปในชามอาหาร ทำให้แมวไม่ยอมกิน เปรียบเปรยก็คล้าย ๆ กับคนเราเหมือนกันแหละครับที่คงจะกินอาหารได้ไม่อร่อยนัก ถ้าต้องนั่งกินข้าวในห้องน้ำ ดังนั้นควรย้ายชามน้ำ-อาหารไว้ให้ห่างจากห้องน้ำแมว-กระบะทรายที่ดีที่สุด

น้ำพุแมวอัจฉริยะ Catlink Pure

4.ใช้เครื่องจ่ายน้ำอัตโนมัติ

เครื่องจ่ายน้ำอัตโนมัติหรือ “น้ำพุแมว” ถือเป็นไอเท็มที่จะกระตุ้นให้แมวกินน้ำเพิ่มได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยน้ำพุแมวนี้สร้างขึ้นด้วยการจ่ายน้ำแบบอิงตามสัญชาตญาณตามชาติพันธุ์ของบรรพบุรุษแมวเองที่มักจะดื่มน้ำในลำธาร หรือที่ๆ มีน้ำไหล โดยแมวจะเชื่อว่าน้ำที่มีการเคลื่อนไหวหมายถึง “น้ำสะอาด” ดังนั้นจึงเป็นไอเท็มที่ดีมากๆ ที่ช่วยกระตุ้นให้แมวกินน้ำได้เพิ่มขึ้นโดยอาศัยสัญชาตญาณนั่นเอง ซึ่งน้ำพุแมวนั้นในท้องตลาดเองในปัจจุบันก็มีหลากหลายยี่ห้อ หลากหลายราคาตั้งแต่ราคาถูกหลักร้อนต้นๆ ไปจนถึงหลักหมื่น ซึ่งความแตกต่างของช่วงราคานั้นก็จะแตกต่างกันตามวัสดุที่ใช้ประกอบเป็นฐานน้ำพุ เทคโนโลยีด้านในที่ใช้ที่ต้องอาศัยระบบความปลอดภัยสูงเพราะน้ำพุแมวอัตโนมัตินั้นต้องใส่ไฟฟ้าเป็นพลังงาน ดังนั้นจึงต้องมีระบบความปลอดภัยสูงเพื่อป้องกันไฟรั่ว ไฟดูดแมว นอกจากนี้น้ำพุแมวที่ดีควรมีระบบกรองหยาบ-กรองละเอียดในตัวเพื่อเป็นการกรองให้แมวสามารถดื่มน้ำได้อย่างสบายใจและสุขภาพดีที่สุด

น้ำพุแมวอัจฉริยะ Catlink Pure

Catlink Pure น้ำพุแมวอัจฉริยะที่สามารถบันทึกสถิติการกินน้ำสำหรับน้องแมวทุกขนาดและน้องหมาขนาดเล็กที่ช่วยให้แมว-สุนัขของคุณดื่มน้ำมากขึ้นโดยที่คุณสามารถดูสถิติการดื่มน้ำของสัตว์เลี้ยงแสนรักของคุณได้แบบ Real Time ผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ สามารถสร้างโปรไฟล์สำหรับน้องแมวน้องหมาแต่ละตัวผ่านแอปพลิเคชัน Catlink เพื่อบันทึกข้อมูลและรับการแจ้งเตือนเมื่อน้องเข้ามากินน้ำ บันทึกสถิติและประมวลผลการกินน้ำของน้องแมวน้องหมาแต่ละตัวย้อนหลัง 1 ปี ด้วยระบบ RFID แถม RFID tag 3 อัน ซื้อเพิ่มได้ไม่จำกัดจำนวนในการเชื่อมต่อ ( สำหรับ Catlink Pure 2 ไม่ต้องใช้ RFID tag )
  • ถาดรองน้ำเซรามิกแนวราบเทเฉียง 5 องศาเหมาะสำหรับแมวทุกประเภทโดยเฉพาะแมวขนยาวและแมวหน้าสั้น
  • ฝาครอบน้ำพุ ป้องกันแมวที่มีนิสัยชอบเล่นน้ำหรือกวักน้ำ
  • บอกปริมาณน้ำที่เหลือในโถรวมถึงไฟสถานะของปริมาณน้ำหน้าเครื่อง ( มีแจ้งเตือนในแอพ )
  •  ไส้กรองน้ำแบบคนแบ่งเป็นชั้นๆเพื่อความสะอาด
  • มอเตอร์จะหยุดการทำงาน เมื่อน้ำในโถเหลือน้อย
  • สามารถใช้ควบคู่ประกอบดูสุขภาพน้องแมวร่วมกับการขับถ่ายของห้องน้ำแมวอัตโนมัติ Catlink Scooper
  • สินค้า 1 ปี มีบริการหลังการขายตลอดอายุการใช้งานจากบริษัทผู้ผลิตโดยตรง

น้ำพุแมวอัจฉริยะ Catlink Pure

น้ำพุแมวอัจฉริยะ Catlink Pure

รีวิวน้ำพุแมวอัจฉริยะ Catlink Pure

 

 

บทความล่าสุด

location
บริษัท เพ็ทโทโลจี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เลขที่ 47/356 อาคารไคตัค ชั้น 10 ถ. ป๊อปปูล่า ต. บ้านใหม่ อ. ปากเกร็ด จ. นนทบุรี 11120

© 2024 Petology. All Rights Reserved.