maxideateam

เป่าขนแมวไม่แห้ง ส่งผลต่อเจ้านายมากกว่าที่คิด!! เหล่าทาสรู้หรือไม่ว่าแค่การเป่าขนของน้องแมวหลังอาบน้ำไม่แห้ง หรือเป่าหมาด ๆ ก็สามารถส่งผลเสียต่อน้องแมวอย่างมาก ซึ่งหลัก ๆ ที่สามารถส่งผลต่อน้องแมวโดยตรงแบบไม่ต้องเดาก็คือ สุขภาพขนและผิวหนัง ของบรรดาเจ้านายของเรานั่นเอง อย่างไรก็ตาม เพื่อไม่ให้ปัญหาที่กล่าวมาเกิดขึ้น ในบทความนี้เราจะมาศึกษาวิธีการอาบน้ำที่ถูกต้องและไอเทมสุดเจ๋งช่วยเป๋าขนอย่างมีประสิทธิภาพจาก Petology ไปพร้อม ๆ กัน เป่าขนแมวไม่แห้ง ปัญหาเล็ก ๆ ที่เหล่าทาสมักมองข้าม แต่สร้างปัญหามากกว่าเรื่องขน เป็นที่รู้กันดีของบรรดาเหล่าทาสว่า น้องแมว กับ น้ำ ถือว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาอย่างยาวนาน ซึ่งหลังจากนั้นยังต้องมาจับเป่าขนอีก แน่นอนว่าทาสแมวหลายคนต้องเข้าใจสถานการณ์แบบนี้เป็นอย่างดี แต่รู้หรือไม่ว่า การอาบน้ำเป่าขนที่ไม่มีประสิทธิภาพนั้น อาจส่งผลให้แมวเป็นเชื้อรา และโรคผิวหนังได้ ดังนั้น นอกจากการอาบน้ำอย่างถูกวิธีแล้ว ก็ต้องรู้ขั้นตอนของการเป่าขนที่ถูกต้องด้วยเพื่อป้องกันปัญหาขนและผิวหนังของน้องแมวไม่ให้เกิดขึ้นนั่นเอง 4 ปัญหาที่อาจตามมาหากทาสเป่าขนน้องแมวไม่แห้ง โรคผิวหนังแมวอาจไม่ใช่ปัญหาสุขภาพร้ายแรงเสมอไป แต่มักส่งผลให้เกิดอาการต่าง ๆ ที่ทำให้ผู้เลี้ยงรู้สึกกังวล ซึ่งหากจับสังเกตสัญญาณเตือนของโรคได้เร็ว ก็จะเข้ารับการรักษาได้อย่างทันท่วงที แผลและสะเก็ดแผล การมีผิวหนังที่ยืดหยุ่นช่วยให้แมวหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บทางร่างกายได้ดี อย่างไรก็ตาม หากแมวของคุณมีแผลและตกสะเก็ดบ่อย ๆ อาจบ่งบอกได้ว่าผิวหนังมีความบอบบางหรือสูญเสียความชื้นที่ควรจะมี ซึ่งอาจส่งผลต่อความยืดหยุ่น รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงในการได้รับบาดเจ็บและมีแนวโน้มจะเป็นโรคผิวหนังสูงขึ้น ผิวหนังอักเสบ เป็นสัญญาณเตือนสำคัญของภูมิแพ้ผิวหนังในแมวและในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเกือบทุกชนิด […]

สำหรับทาสแมวมือใหม่อาจเลี้ยงน้องมาได้ไม่นานแต่อยู่มาวันนึงน้องแมวท้องเสีย ถ่ายเหลวขึ้นมา หลายคนอาจรับมือไม่ถูกเพราะไม่รู้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร แก้ด้วยวิธีไหนได้บ้าง แล้วเราควรดูแลน้องอย่างไรให้สุขภาพกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง มาอ่านไปด้วยกันเลยเหมียวว แมวท้องเสีย ถ่ายเหลว เกิดจากอะไร เกิดจากร่างกายของน้องแมวได้รับพยาธิและโพรโตซัว (Protozoa) อยู่ภายในลำไส้ โดยพยาธิที่เป็นสาเหตุของภาวะท้องเสียจะอาศัยอยู่ในพื้นดินที่น้องไปกินมาหรืออาจเกิดจากการใช้กระบะทรายร่วมกับแมวที่มีพยาธิชนิดนี้อยู่ แล้วน้องแมวของเราก็ใช้กระบะทรายต่อและติดพยาธิ ส่วนโพรโตซัวนั้นจะพบได้ในหนูบ้านที่น้องแมวสัมผัสหรืองับมันขึ้นมา นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่นอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นภาวะภูมิแพ้อาหารจากอาหารแมวที่กินเข้าไปทุกวัน, ภูมิแพ้ฝุ่นละออก ไรขน หรือเกสรดอกไม้, ได้รับสารพิษจากหญ้าหรือพื้นที่น้องแมวเลียเป็นประจำ การเปลี่ยนอาหารใหม่ให้น้องด้วยเช่นกัน รวมถึงพฤติกรรมเสี่ยงที่เกิดจากน้องเอง ได้แก่ พฤติกรรมเลียขนเป็นประจำ หรือแม้แต่น้องกินอาหารมากเกินไป โดยสาเหตุเหล่านี้ส่งผลให้ลำไส้ของน้องปรับตัวไม่ทันหรือมีความผิดปกติ มีผลไปลดปริมาณแบคทีเรียชนิดนี้ภายในกระเพาะ และเมื่อกระเพาะอ่อนแอก็จะทำให้น้องท้องเสีย ถ่ายเหลวออกมา น้องบางตัวอาจมีอาการอาเจียนร่วมด้วย แมวท้องเสีย ถ่ายเหลว อันตรายอย่างไร ร่างกายของน้องจะขาดน้ำ ส่งผลให้น้องรู้สึกอ่อนเพลีย เมื่อหมดเพลียแล้วน้องจะเซื่องซึม ไม่ร่าเริงอย่างเห็นได้ชัด ความอยากอาหารน้อยลง ส่งผลให้น้องกินได้น้อยและน้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็ว เคลื่อนไหวไม่คล่องแคล่วเหมือนแต่ก่อน เครียดง่าย หงุดหงิดง่าย ก้าวร้าว ระบบขับถ่ายทำงานผิดปกติ ร่างกายอ่อนแอ และเป็นสาเหตุของโรคร้ายแรงตามมาจนอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต แมวท้องเสีย ถ่ายเหลว สังเกตได้อย่างไรบ้าง รูปทรง อึแมวโดยปกติจะเป็นทรงกระบอกกลม ไม่แบนและไม่สั้นมากเกินไป หากน้องถ่ายออกมาไม่เป็นทรง มีความฉ่ำน้ำแต่มีเนื้ออยู่บ้าง

หลายคนอาจเคยเห็นลู่วิ่งแมวหรือเคยลองซื้อมาใช้กันบ้างแล้ว แต่พอน้องเห็น น้องก็ส่ายหน้าหนีไปซะแล้วหรืออาจเห่อแค่ช่วงแรกเท่านั้น หลังจากนั้นก็ไม่แตะลู่วิ่งอีกเลย แต่หากคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากซื้อมาให้น้องวิ่งเพื่อสุขภาพที่ดีของน้อง วันนี้เรามีคำแนะนำในการซื้อและฝึกน้องให้วิ่งลู่วิ่งบ่อยขึ้น ลู่วิ่งแมว จำเป็นไหม หลายคนอาจคิดว่าลู่วิ่งแมวเป็นเพียงของเล่นสำหรับแมวเพียงเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วลู่วิ่งมีประโยชน์มากกว่าที่คิด เพราะธรรมชาติของแมวนั้นจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการกินและนอนนิ่งเฉย ๆ และด้วยความที่แมวจะใช้เวลานอนประมาณ 12-16 ชั่วโมงอยู่แล้ว จึงทำให้แมวไม่ค่อยได้ขยับเขยื้อนไปไหนมากนัก ยิ่งถ้าคุณเลี้ยงน้องไว้ในห้องหรือคอนโดซึ่งเป็นการเลี้ยงแบบระบบปิดด้วยแล้ว ก็ยิ่งจะทำให้น้องนอนนิ่งแทบจะทั้งวันกันเลยทีเดียว ดังนั้นลู่วิ่งจึงถูกออกแบบมาเพื่อให้น้องได้ออกกำลังกาย ซึ่งจะช่วยให้สุขภาพของน้องดีขึ้นและอยู่กับเหล่าทาสไปอีกนาน ๆ ลู่วิ่งแมว ทําเองดีไหม แน่นอนว่าการทำลู่วิ่งให้น้องแมวเองอาจเหมาะสำหรับทาสแมวบางคนที่มีความรู้ความเข้าใจในหลักการทำงานของลู่วิ่งแมว เหมือนจะดูง่ายแต่การทำลู่วิ่งแมวอาจไม่ง่ายอย่างที่คิดเพราะนอกจากจะต้องคำนึงถึงการออกแรงวิ่งของน้องแมวแล้ว ยังต้องเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพสูงและไม่หนักจนน้องออกแรงวิ่งไม่ไป เมื่อน้องออกแรงวิ่งแล้วตัวลู่วิ่งจะต้องหมุนไปตามแรงของน้อง นอกจากนี้ตัวพรมบนลู่วิ่งก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะหากคุณใช้พรมที่ไม่ยืดเกาะกับเท้าของน้องก็อาจทำให้น้องลื่นไหลขณะวิ่งได้หรืออาจเกิดรอยฉีกขาดบนพรมง่ายกว่าลู่วิ่งที่ได้มาตรฐาน หากเกิดปัญหาบนลู่วิ่งมาก ๆ อาจทำให้น้องรู้สึกไม่อยากวิ่งบนลู่ได้อีกด้วย ดังนั้นเราขอแนะนำให้แบ่งเงินสักก้อนมาซื้อลู่วิ่งให้น้องได้ออกกำลังกายได้อย่างสบายใจจะดีที่สุด เลือกลู่วิ่งแมวยังไงดี มีพรมวิ่งที่นุ่มและยืดแน่นกับตัวลู่ กันกระแทกได้ดี เลือกลู่ที่สามารถรับน้ำหนักน้องได้ประมาณ 3-4 กิโลกรัม ซึ่งเป็นน้ำหนักมาตรฐานของแมว ลูกล้อผลิตจากวัสดุคุณภาพดี แข็งแรงทนทาน ลู่วิ่งมีวงล้อขนาดใหญ่พอประมาณ ป้องกันน้องตกจากลู่วิ่ง มีระบบเบรกป้องกันน้องตกจากลู่วิ่ง ตัวลู่วิ่งผลิตจากวัสดุคุณภาพดี ยกตัวอย่างเช่น พลาสติก ABS เกรดสูง มีระบบไฟ LED ช่วยปกป้องสายตาน้องแมวขณะวิ่งบนลู่วิ่ง ในปัจจุบันหลายแบรนด์มีการทำเก็บสถิติ ระยะทางรวม และค่า

เครื่องเป่าขนแมวเป็นหนึ่งในไอเทมจำเป็นสำหรับทาสแมวทั้งหลาย เพราะนอกจากจะช่วยให้น้องแมวรู้สึกสบายตัวทุกครั้งหลังอาบน้ำเสร็จแล้ว ยังช่วยให้ขนแห้ง ไม่มีจุดอับชื้นซึ่งอาจก่อให้เกิดเชื้อราในแมวตามมาได้อีกด้วย แล้วถ้าคุณสนใจอยากจะซื้อเครื่องเป่าขนมาใช้สักเครื่องจะต้องเลือกจากอะไร ยี่ห้อไหนดี วันนี้เรามีข้อมูลดี ๆ มาแชร์กัน ทำไมทาสแมวต้องใช้เครื่องเป่าขนแมว ต้องเข้าใจธรรมชาติของแมวก่อนว่าแมวเป็นสัตว์ที่มีบรรพบุรุษอาศัยอยู่พื้นที่แห้งแล้ง ดังนั้นร่างกายของน้องจึงมีอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 36.72-38.94 องศาเซลเซียส จึงทำให้ร่างกายสามารถทนต่อความร้อนได้มากกว่ามนุษย์ และที่สำคัญขนของแมวยังจับตัวกันง่ายเมื่อโดนน้ำ นอกจากจะทำให้น้องรู้สึกหนักตัว เคลื่อนไหวไม่สะดวกแล้ว น้ำยังไปลดอุณหภูมิในร่างกายน้องลงจนอาจทำให้น้องป่วยได้ แต่การจับน้ำน้องอาบน้ำก็ถือเป็นเรื่องจำเป็นที่เหล่าทาสไม่ควรละเลย เพราะหากเราไม่ได้พาน้องมาอาบน้ำเลย เศษฝุ่น เชื้อโรค หรือสิ่งสกปรกอื่น ๆ อาจตกค้างอยู่ในขนของแมวเป็นเวลานานจนก่อให้เกิดโรคเชื้อราแมวและโรคขี้เรื้อนดีโมเด็กซ์ ดังนั้นสิ่งที่ทาสแมวควรทำนอกจากจะหาวิธีพาน้องอาบน้ำแล้ว นั่นคือการเป่าขนให้แห้ง เพื่อให้ขนของน้องกลับมาแห้งและเคลื่อนไหวได้สะดวกเหมือนเดิม แต่การที่จะทำให้ขนน้องแห้งภายในระยะเวลาอันสั้นนั้นไม่สามารถเช็ดตัวน้องได้ด้วยผ้าขนหนูเพียงอย่างเดียว แต่จะต้องใช้ลมร้อนเข้าช่วยด้วยเช่นกัน หลายคนเลือกจะใช้ไดร์เป่าผมมาเป่าน้อง แต่นั่นอาจเป็นความคิดที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะหูของน้องแมวจะได้ยินเสียงชัดมากกว่ามนุษย์ ดังนั้นเสียงดัง ๆ ของตัวเครื่องอาจทำให้น้องรู้สึกกลัวและไม่ยอมอยู่นิ่งเฉย ๆ จะดิ้นหนีไดร์เป่าอย่างแน่นอน หรือหากทาสเลือกที่จะเช็ดขนน้องด้วยผ้าขนหนูก็อาจเช็ดได้ไม่แห้งในบางจุด หากปล่อยขนน้องอับชื้นนาน ๆ ก็อาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพผิวหนังน้องได้ด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ทาสแมวหลายคนตัดสินใจเลือกใช้เครื่องเป่าขนเพื่อแก้ปัญหาขนเปียกหลังอาบน้ำน้องแมว ข้อดีของเครื่องเป่าขนแมว ประหยัดเวลาเป่าขนให้น้องให้เหลือเพียง 30-45 นาทีเท่านั้น เป่าแห้งทุกจุด ลดปัญหาเป่าขนไม่ทั่วถึง กำจัดเชื้อโรคและแบคทีเรียบนขนน้องได้ดี ตัวเครื่องทำงานเบา ไม่ทำให้น้องรู้สึกกลัวหรือรำคาญ ภายในเครื่องมีพื้นที่เพียงพอให้แมวเคลื่อนไหวได้สะดวก ตัวเครื่องเคลื่อนย้ายพกพาได้สะดวก

ทรายแมวเป็นสิ่งสำคัญสำหรับน้องแมวทุกตัวต้องใช้ในการขับถ่าย แต่ยังมีทาสแมวหลายคนที่คิดว่าทรายแมวแบบไหนก็เหมือนกัน ซึ่งในความเป็นจริงแล้วทรายแมวมีหลากหลายแบบและทรายแมวภูเขาไฟก็เป็นทรายแมวอีกชนิดนึงที่ได้รับความนิยมไม่น้อยเลยทีเดียว ว่าแต่ทรายแมวชนิดนี้คืออะไร แตกต่างจากทรายแมวประเภทอื่นอย่างไร แล้วมีวิธีฝึกน้องให้ใช้งานอย่างไรดี วันนี้เรามีข้อมูลดี ๆ มาฝาก ทรายแมวภูเขาไฟคืออะไร เป็นทรายแมวประเภทหนึ่งที่ผลิตจากแร่เบนโทไนท์ (Bentonite) ซึ่งเป็นเถ้าหินจากภูเขาไฟที่ผ่านมานานถึง 200 ล้านปีกว่าถึงจะแปรสภาพ ทรายแมวชนิดนี้มีคุณสมบัติดูดซึมของเหลวได้ดีเนื่องจากเบนโทไนท์มีคุณสมบัติในเรื่องของการดูดซับอยู่แล้วจึงไม่จำเป็นต้องใส่สารเคมีลงไปเป็นส่วนประกอบเพิ่มเติม ส่วนเรื่องการดับกลิ่นนั้นทรายแมวชนิดนี้ก็สามารถจัดการได้เนื่องจากเบนโทไนท์มีฤทธิ์เป็นกรด จึงทำปฏิกิริยากับของเสียของน้องแมวซึ่งมีฤทธิ์เป็นเบสได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากจะช่วยให้ทาสแมวตักอึน้องเก็บไปทิ้งได้อย่างง่ายดายแล้ว ยังปลอดภัยต่อสุขภาพของน้องอีกด้วย ส่วนราคาของทรายมีราคาไม่แพงมาก แถมหาซื้อง่าย จึงทำให้ทรายแมวภูเขาไฟเป็นที่นิยมของทาสแมวมาจนถึงปัจจุบัน แต่ทั้งนี้มีข้อควรระวังในเรื่องของการทำความสะอาดด้วยเช่นกันเนื่องจากทรายภูเขาไฟจะฟุ้งกระจายง่ายและมีการเกาะตัวที่ดีแถมยังย่อยสลายยาก หากเททิ้งลงชักโครกก็อาจทำให้ท่ออุดตันง่ายด้วย ในปัจจุบันมีผู้ผลิตทรายชนิดนี้หลากหลายรูปแบบแต่จะมีความแตกต่างในเรื่องของที่มาของแร่ดิน ส่วนผสม กระบวนการคัดกรองฝุ่นออกจากเนื้อทราย รวมถึงการแต่งกลิ่นหอมด้วยเช่นกัน ข้อดีของทรายแมวภูเขาไฟ ดูดซับของเหลวจากน้องแมวได้ดี ง่ายต่อการค้นหาและทำความสะอาดกระบะทราย ดูดกลิ่นจากของเสียแมวได้ดี บางรุ่นมีกลิ่นหอม ปลอดภัยต่อน้องแมว เนื่องจากไม่มีส่วนผสมของสารเคมี หาซื้อง่าย ราคาไม่แพง ข้อควรระวังของทรายแมวภูเขาไฟ ย่อยสลายยาก เทลงโถส้วมไม่ได้ เพราะอาจอุดตันท่อ มีฝุ่นฟุ้งกระจายง่าย (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเกรดของทรายด้วย ยิ่งเกรดสูงก็ยิ่งมีคุณภาพการกรองฝุ่นที่ดี) ทรายแมวภูเขาไฟ แตกต่างจากทรายแมวชนิดอื่นอย่างไร ด้วยความที่ทรายแมวภูเขาไฟผลิตจากแร่เบนโทไนท์จึงช่วยในเรื่องของการจับตัวกับของเสียง่าย ดับกลิ่นได้ดี แตกต่างจากทรายเบนโทไนท์แบบอัดก้อนและทรายจากกระดาษรีไซเคิลที่เก็บกลิ่นได้ไม่ดีเท่าที่ควร แต่มีราคาถูกพอ ๆ กัน แต่ทรายแมวภูเขาไฟอาจมีฝุ่นง่ายกว่าทรายคริสตัล (Siliga

แมวเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดนึงที่เดาใจยากสุด ๆ แต่หากคุณชนะใจน้องได้แล้วล่ะก็ แน่นอนว่าน้องจะอ้อนคุณแบบถวายชีวิตให้เลยก็ว่าได้ แต่หากคุณยังไม่รู้ว่าจะผูกมิตรกับน้องยังไง เราขอแนะนำ 10 วิธีแสดงความรักกับแมวที่ทาสแมวอย่างคุณอาจไม่รู้หรือนึกไม่ถึงมาก่อน ว่าแต่จะมีวิธีไหนบ้าง ตามมาอ่านกันเลยค่ะ 7 วิธีแสดงความรักกับแมว 1. ตามองตา ใจมองใจ รู้ไหมว่าการสบตาแล้วกระพริบตาช้า ๆ สำหรับแมวแล้วจะหมายถึงการมอบความรู้สึกผ่อนคลาย ปลอดภัย และเป็นการแสดงความรักของมนุษย์ที่มีต่อแมว แล้วถ้าวันไหนน้องกะพริบตาช้า ๆ ตอบกลับมาก็แสดงว่าน้องก็รู้สึกรักเราเช่นเดียวกัน เพียงแต่วิธีนี้จะต้องระวังกันสักนิดนึงเพราะหากคุณสบตาน้องเป็นเวลานานเกินไปก็อาจศื่อถึงการคุกคามน้องได้เช่นกัน 2. เล่นกับน้องบ่อย ๆ การใช้เวลาเล่นกับน้องถือเป็นวิธีบอกรักที่ง่ายที่สุดเลยก็ว่าได้ สำหรับมือใหม่อาจใช้ไม้ตกแมวมาแกว่งเล่นกับน้องเพื่อให้น้องตะครุบให้ได้ เพราะนอกจากจะช่วยปลุกสัญชาตญาณนักล่าของแมวแล้ว ยังช่วยให้น้องแมวได้ออกกำลังกายไปในตัวด้วยนะคะ หากเป็นไปได้ก็ควรใช้เวลาอยู่กับน้องให้นาน ๆ เพราะจริง ๆ แล้วน้องก็เหมือนเด็กดื้อคนนึงที่ต้องการการเอาใจใส่จากเราไม่ต่างจากสัตว์ชนิดอื่นเลย แต่หากคุณมีเวลาไม่มากนัก แนะนำให้เล่นกับน้องประมาณ 10-15 นาทีก็พอค่ะ 3. เกาให้ถูกที่ การเกาอวัยวะบางจุดของแมวจะช่วยให้แมวรู้สึกผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะคาง แก้ม และหน้าผาก ซึ่งเป็นจุดที่มีต่อม Scent glands ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างฟีโรโมนของแมว จึงช่วยให้น้องรู้สึกฟินและปลอดภัยเมื่อถูกคุณสัมผัส และเมื่อน้องไว้ใจคุณแล้วก็จะให้คุณจกพุงได้อย่างหนำใจไปเลยค่ะ ทั้งนี้ควรระมัดระวังไม่เผลอไปเกาหางและขาหลังด้วยนะคะ เพราะอาจทำให้น้องรู้สึกไม่ปลอดภัยและเผลอตะปบคุณจนเป็นแผลได้ด้วยค่ะ 4.

เพแม้ว่าแมวจะเป็นสัตว์ที่กินอาหารได้หลายอย่าง แต่หลายคนอาจไม่รู้มาก่อนว่าอาหารบางอย่างก็อาจทำร้ายสุขภาพน้องแมวโดยไม่รู้ตัว และวันนี้เราจะมาพูดถึง 10 อาหารที่แมวห้ามกิน เพื่อสุขภาพที่ดีของน้องแมวในระยะยาว 10 อาหารที่แมวห้ามกิน เพื่อสุขภาพที่ดีของน้องแมว 1. เครื่องดื่มคาเฟอีน ไม่ว่าจะเป็นชา กาแฟ หรือช็อกโกแลตก็ตาม เพราะเครื่องดื่มเหล่านี้มีส่วนผสมของสาร Purines หรือ Methylxanthines เป็นสารสำคัญของพืชเมืองร้อนที่มีฤทธิ์ต่อร่างกายของแมวโดยตรง หากน้องดื่มเข้าไปก็อาจทำให้น้องเหนื่อยหอบ อาเจียน ท้องเสีย ปัสสาวะบ่อยขึ้น หัวใจเต้นผิดปกติ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณเผลอให้น้องดื่มดาร์กช็อกโกแลตที่มีสาร Methylxanthines มากกว่าพืชชนิดอื่น ก็อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้เลยนะคะ 2. อะโวคาโด แม้ว่าจะเป็นผลไม้โปรดของใครหลายคน แต่อาจเป็นอันตรายต่อน้องแมวได้เช่นกันค่ะ เพราะอะโวคาโดมีสาร Persin ซึ่งเป็นสารพิษจากเชื้อราที่มีฤทธิ์ทำลายเซลล์ พบได้ในเปลือก ใบ เมล็ด ขั้วผล และผลอะโวคาโดที่ยังไม่สุก แม้ว่าจะเป็นสารที่ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์แต่กลับเป็นอันตรายร้ายแรงต่อน้องแมวได้พอสมควรเลยค่ะ หากน้องแมวกินเข้าไปในปริมาณมาก ต่อให้ไม่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตแต่ก็อาจกระตุ้นให้น้องท้องเสีย อ้วก หรืออาจถึงขั้นกล้ามเนื้อหัวใจตายได้เลยทีเดียว ส่วนเนื้ออะโวคาโดนั้นยังมีไขมันจำนวนมากที่อาจก่อให้เกิดภาวะตับอ่อนอักเสบ และส่วนเมล็ดก็อาจติดอยู่ในระบบทางเดินอาหารจนอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้เลยค่ะ 3. ผลิตภัณฑ์จากนมวัว สำหรับนมวัว ชีส และผลิตภัณฑ์จากนมวัวนั้นมีส่วนประกอบของแลคโตส (Lactose) ที่เป็นอันตรายกับน้องแมว เนื่องจากแมวไม่มีเอนไซม์ที่ใช้ย่อยน้ำตาลแลคโตส

แม้ว่าแมวจะเป็นสัตว์ที่รักอิสระมากแค่ไหน แต่เมื่อถึงเวลาที่เหล่าทาสต้องออกไปข้างออกและต้องพาน้องไปด้วย หรือแม้แต่ช่วงที่ผ่าตัดน้องที่ต้องให้น้องนั่งอยู่กับที่ รถเข็นแมวถือเป็นไอเทมสำคัญที่จะช่วยให้น้อง ๆ  ไปไหนมาไหนด้วยกันกับเราได้สะดวกขึ้น แต่หากคุณไม่เคยซื้อรถเข็นให้น้องมาก่อนและอยากรู้ว่าจะต้องเลือกยังไงให้เจ้านายนั่งสบาย แถมยังพกพาง่าย ใช้งานได้ดี วันนี้เราจะมาเล่าให้ฟัง วิธีเลือกรถเข็นแมวยังไง ให้ถูกใจเหล่าเจ้านายตัวน้อย 1. เลือกจากขนาดตัวน้อง โดยทั่วไปแล้วรถเข็นแมวจะมีมาตรฐานการรับน้ำหนักตัวน้องอยู่ที่ประมาณ 10-15 กิโลกรัม แต่ถึงอย่างไรก็ตามเหล่าทาสจะต้องรู้ลักษณะคร่าว ๆ ของสายพันธุ์น้องและหมั่นสังเกตน้องก่อนว่าขนาดตัวประมาณไหน น้ำหนักประมาณเท่าไหร่ หากคุณไม่แน่ใจแนะนำให้ส่งรูปน้องไปถามตามกลุ่มคนรักแมวตามช่องทางโซเชียลต่าง ๆ หรืออาจสอบถามข้อมูลกับร้านขายของสัตว์เลี้ยงที่คุณสนใจเพื่อให้ทางร้านแนะนำขนาดรถเข็นที่น่าจะเหมาะกับน้องมากที่สุด แต่ทางที่ดีแนะนำให้พาน้องไปช้อปที่ร้านเลยจะดีที่สุด 2. เลือกจากดีไซน์และวัสดุ แน่นอนว่าดีไซน์ถือเป็นสิ่งแรกที่คุณจะได้เห็น หากดีไซน์ไม่ถูกใจคุณ คุณเองก็ไม่อยากหยิบมาใช้สักเท่าไหร่นัก นอกจากนี้วัสดุก็เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กันเพราะต่อให้ดีไซน์สวย โดนใจแค่ไหน แต่หากผลิตจากวัสดุคุณภาพต่ำ นอกจากจะเป็นอันตรายต่อน้องแมวแล้ว ยังเป็นอันตรายต่อกระเป๋าตังของคุณได้อีกด้วย เพราะหากใช้รถเข็นคุณภาพไม่ดี ใช้ไปได้ไม่ทันไรก็ต้องมานั่งเปลี่ยนรถเข็นคันใหม่กันอีกแล้ว ทั้งนี้อย่าลืมดูรายละเอียดของรถเข็นว่าผ่านการรับรองมาตรฐานหรือไม่ เพราะถ้าหากคุณรักน้องแมวจริง ๆ คุณจะยอมซื้อรถเข็นราคาสูงขึ้นมาหน่อยแต่ผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง ใช้งานไปได้ยาว ๆ เลยทีเดียว 4. เลือกจากฟังก์ชันการใช้งาน แม้ว่าในปัจจุบันจะมีรถเข็นที่มีฟังก์ชันหลากหลายกว่าการเข็นไปมาเพียงอย่างเดียว เช่น สามารถพับเก็บเป็นกระเป๋าถือหรือกระเป๋าสะพายได้ มีสายรัดนิรภัยแบบตะขอหรือแบบสายริดป้องกันไม่ให้น้องออกจากรถ มีระบบล็อกล้อมาในรูปแบบคันเหยียบติดอยู่หลังล้อป้องกันการไหลโดยอัตโนมัติ หรือมีช่องเก็บของที่เยอะขึ้น แต่คุณจะต้องเลือกให้ดีด้วยนะคะ เพราะบางทีบางฟังก์ชันก็อาจไม่ได้ใช้งานจริง ๆ

อากาศร้อน ๆ แบบนี้ แมวเองก็ต้องการพื้นที่เย็น ๆ ให้ตัวเองเหมือนกัน แต่ด้วยความที่แมวพูดไม่ได้ ดังนั้นเหล่าทาสทั้งหลายจะต้องหมั่นสังเกตน้อง ๆ อยู่เสมอและวันนี้เราจะมาแนะนำวิธีเตรียมรับมือให้เหล่าเจ้านายด้วย 5 วิธีคลายร้อนให้น้องแมวที่เหล่าทาสควรรู้เพื่อให้น้องมีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่กับเราค่ะ เตรียมรับมือให้เหล่าเจ้านายด้วย 5 วิธีคลายร้อนให้น้องแมว 1. เตรียมน้ำให้น้องอยู่เสมอ การเตรียมน้ำเย็น ๆ ให้น้องแมวได้กินจะช่วยบรรเทาความร้อนได้เป็นอย่างดี แต่หากคุณไม่ได้อยู่กับน้องแมวตลอดทั้งวัน การมีน้ำพุแมวติดบ้านไว้สักเครื่องก็ถือว่าตอบโจทย์ตรงนี้ได้ดีทีเดียว เพราะนอกจากจะช่วยเสิร์ฟน้ำเย็น ๆ ให้น้องกินอย่างชื่นใจแล้ว น้ำพุแมวบางยี่ห้อบางรุ่นยังช่วยบันทึกสถิติการกินน้ำสำหรับน้องแมวทุกขนาด ช่วยให้คุณรับรู้ถึงความผิดปกติของน้องหากน้องมีปัญหาสุขภาพจนไม่สามารถกินน้ำได้ตามปริมาณที่ร่างกายน้องต้องการ นอกจากนี้น้ำพุแมวยังมีรูปแบบการจ่ายน้ำเหมือนการไหลของน้ำตกซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้แมวอยากดื่มน้ำจากน้ำพุแมวมากขึ้น เนื่องจากสัญชาตญาณของแมวเชื่อว่าน้ำที่ไหลลงมาจากน้ำตกเป็นน้ำสะอาด ดังนั้นการมีน้ำพุแมวติดไว้ในห้องสักเครื่องจะช่วยให้แมวรู้สึกสบายใจในการดื่มน้ำมากยิ่งขึ้นด้วย 2. อย่าลืมปิดผ้าม่าน หากคุณไม่ได้อยู่บ้านในช่วงสายหรือบ่ายแล้วต้องปล่อยให้น้องเหงาอยู่ตัวเดียว อย่าลืมปิดผ้าม่านให้สนิทด้วยนะคะ เพราะในช่วงบ่ายจะมีแดดส่องเข้ามาในห้องและไม่สามารถสะท้อนออกไปได้ ส่งผลให้อุณหภูมิในห้องสูงขึ้น แต่หากคุณไม่อยากให้ห้องมืดทึบมากเกินไป แนะนำให้ใช้ผ้าม่านโปร่ง ๆ หรือฟิลม์กรองแสงมาติดแทนก็ได้ค่ะ 3. ตั้งเวลาเปิด-ปิดแอร์ ตั้งพัดลมขนาดเล็กไว้สักตัว จริงอยู่ที่เวลาคุณอยู่กับน้องแมวแล้วยังไงก็ต้องเปิดแอร์กันอยู่แล้วใช่ไหมคะ แต่หากคุณต้องออกไปทำธุระข้างนอก การเปิดแอร์ทิ้งไว้ให้น้องแมวก็อาจเปลืองค่าไฟเป็นอย่างมาก และยิ่งในช่วงหน้าร้อนเป็นช่วงที่มีอุณหภูมิสูงมาก ยิ่งอุณหภูมิสูงไปถึง 40 องศาเซลเซียส เครื่องปรับอากาศก็ยิ่งทำงานหนักขึ้นถึง 14 องศาเซลเซียสด้วยเช่นกัน ดังนั้นหากคุณจะออกไปข้างนอกแล้วแนะนำให้ตั้งเวลาเปิด-ปิดแอร์ประมาณ 1-2

โรคผิวหนังในแมว อีกหนึ่งภาวะผิดปกติที่ควรระวัง แม้จะดูไม่เป็นอันตราย แต่แท้จริงแล้วเป็นภาวะที่สามารถสร้างปัญหาให้กับสุขภาพของน้องแมวได้อีกหลายประการเลยทีเดียว ซึ่งเมื่อแมวเป็นโรคผิวหนังได้ไม่ต่างจากคน โรคนี้ส่งผลอย่างมากต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของแมว เจ้าของจึงควรให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพผิวหนัง หากพบสัญญาณเตือนหรือความผิดปกติที่บ่งบอกถึงโรคผิวหนังแมว ควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษา อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้น เพื่อการป้องกันไม่ให้ปัญหานี้เกิดขึ้นกับเจ้านายของเรา เหล่าทาสควรศึกษาข้อมูลกันเสียก่อน โรคผิวหนังในแมว อาจเกิดจากการอาบน้ำไม่สะอาดหรือเป่าขนไม่แห้ง ทาสต้องระวัง!! เมื่อพูดถึงแมวเหมียวที่ครองใจผู้คนทั่วโลก เรามักจะนึกถึงความสง่างามหรือความน่ารักน่ากอด ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากรูปร่างหน้าตาและขนนุ่มสวยของพวกเค้า เพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าเหมียวจะดูดีอยู่ตลอดเวลา ความลับอยู่ที่การดูแลสุขภาพผิวหนัง ซึ่งมีบทบาทอย่างมากต่อความเป็นอยู่ที่ดีของแมวเหมียวทุกตัว ปัญหาโรคผิวหนังในแมว เช่น อาการระคายเคืองและอาการคัน เป็นตัวบ่งชี้พื้นฐานในการทำความเข้าใจสุขภาพร่างกายของแมว นอกจากนี้ผิวหนังของแมวยังทำหน้าที่สำคัญหลายอย่าง เช่น ควบคุมอุณหภูมิร่างกาย รับความรู้สึกทางกาย และป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย แมวมีผิวหนังที่ยืดหยุ่นสูง ซึ่งไม่เพียงช่วยเพิ่มความว่องไวเท่านั้น แต่ยังเป็นเกราะป้องกันอันตรายจากสิ่งแวดล้อม ปกป้องพวกเค้าจากบาดแผลในการผจญภัยกลางแจ้ง มันจึงสำคัญมากที่ผู้เลี้ยงต้องหมั่นตรวจสอบให้แน่ใจว่าพวกเค้าไม่มีอาการที่บ่งบอกถึงโรคผิวหนังแมว สัญญาณเตือนของโรคผิวหนังในแมวที่เหล่าทาสควรเฝ้าสังเกต โรคผิวหนังแมวอาจไม่ใช่ปัญหาสุขภาพร้ายแรงเสมอไป แต่มักส่งผลให้เกิดอาการต่าง ๆ ที่ทำให้ผู้เลี้ยงรู้สึกกังวล ซึ่งหากจับสังเกตสัญญาณเตือนของโรคได้เร็ว ก็จะเข้ารับการรักษาได้อย่างทันท่วงที แผลและสะเก็ดแผล การมีผิวหนังที่ยืดหยุ่นช่วยให้แมวหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บทางร่างกายได้ดี อย่างไรก็ตาม หากแมวของคุณมีแผลและตกสะเก็ดบ่อย ๆ อาจบ่งบอกได้ว่าผิวหนังมีความบอบบางหรือสูญเสียความชื้นที่ควรจะมี ซึ่งอาจส่งผลต่อความยืดหยุ่น รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงในการได้รับบาดเจ็บและมีแนวโน้มจะเป็นโรคผิวหนังสูงขึ้น ผิวหนังอักเสบ เป็นสัญญาณเตือนสำคัญของภูมิแพ้ผิวหนังในแมวและในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเกือบทุกชนิด แม้ว่าจะไม่ได้บ่งบอกถึงสภาวะสุขภาพที่ร้ายแรง แต่อาจเป็นสาเหตุของอาการระคายเคืองและความไม่สบายตัว