10 อาหารที่แมวห้ามกิน เหล่าทาสต้องรู้เพื่อสุขภาพที่ดีของน้อง

เพแม้ว่าแมวจะเป็นสัตว์ที่กินอาหารได้หลายอย่าง แต่หลายคนอาจไม่รู้มาก่อนว่าอาหารบางอย่างก็อาจทำร้ายสุขภาพน้องแมวโดยไม่รู้ตัว และวันนี้เราจะมาพูดถึง 10 อาหารที่แมวห้ามกิน เพื่อสุขภาพที่ดีของน้องแมวในระยะยาว

10 อาหารที่แมวห้ามกิน เพื่อสุขภาพที่ดีของน้องแมว

1. เครื่องดื่มคาเฟอีน

ไม่ว่าจะเป็นชา กาแฟ หรือช็อกโกแลตก็ตาม เพราะเครื่องดื่มเหล่านี้มีส่วนผสมของสาร Purines หรือ Methylxanthines เป็นสารสำคัญของพืชเมืองร้อนที่มีฤทธิ์ต่อร่างกายของแมวโดยตรง หากน้องดื่มเข้าไปก็อาจทำให้น้องเหนื่อยหอบ อาเจียน ท้องเสีย ปัสสาวะบ่อยขึ้น หัวใจเต้นผิดปกติ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณเผลอให้น้องดื่มดาร์กช็อกโกแลตที่มีสาร Methylxanthines มากกว่าพืชชนิดอื่น ก็อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้เลยนะคะ

2. อะโวคาโด

แม้ว่าจะเป็นผลไม้โปรดของใครหลายคน แต่อาจเป็นอันตรายต่อน้องแมวได้เช่นกันค่ะ เพราะอะโวคาโดมีสาร Persin ซึ่งเป็นสารพิษจากเชื้อราที่มีฤทธิ์ทำลายเซลล์ พบได้ในเปลือก ใบ เมล็ด ขั้วผล และผลอะโวคาโดที่ยังไม่สุก แม้ว่าจะเป็นสารที่ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์แต่กลับเป็นอันตรายร้ายแรงต่อน้องแมวได้พอสมควรเลยค่ะ หากน้องแมวกินเข้าไปในปริมาณมาก ต่อให้ไม่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตแต่ก็อาจกระตุ้นให้น้องท้องเสีย อ้วก หรืออาจถึงขั้นกล้ามเนื้อหัวใจตายได้เลยทีเดียว ส่วนเนื้ออะโวคาโดนั้นยังมีไขมันจำนวนมากที่อาจก่อให้เกิดภาวะตับอ่อนอักเสบ และส่วนเมล็ดก็อาจติดอยู่ในระบบทางเดินอาหารจนอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้เลยค่ะ

3. ผลิตภัณฑ์จากนมวัว

สำหรับนมวัว ชีส และผลิตภัณฑ์จากนมวัวนั้นมีส่วนประกอบของแลคโตส (Lactose) ที่เป็นอันตรายกับน้องแมว เนื่องจากแมวไม่มีเอนไซม์ที่ใช้ย่อยน้ำตาลแลคโตส เมื่อน้องแมวดื่มเข้าไปก็จะไปกระตุ้นให้น้องท้องเสีย อาเจียน หรือท้องอืดบ่อยขึ้น หากต้องการให้น้องดื่มนมจริง ๆ แนะนำเป็นนมแพะหรือนมสำหรับแมวที่ไม่มีส่วนผสมของแลคโตสจะดีกว่าค่ะ

4. ปลาดิบ เนื้อดิบ ไข่ดิบ

หลายคนอาจคุ้นชินกับภาพจำที่ว่าแมวชอบคาบปลาดิบไปกิน แต่ในความเป็นจริงแล้วอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพน้องได้เช่นกัน เนื่องจากปลาดิบไม่ได้ผ่านการปรุงด้วยความร้อน จึงทำให้เชื้อโรคต่าง ๆ เช่น Salmonella และ E. coli จากเนื้อสัตว์หรือปลาดิบ ไปทำร้ายสุขภาพน้องโดยไม่รู้ตัว แม้ว่าอาการท้องเสียจะเป็นอาการที่เกิดเพียงเล็กน้อย แต่หากปล่อยให้น้องกินอาหารดิบเป็นเวลานานก็อาจก่อให้เกิดภาวะ ขาดวิตามิน B1 เป็นเหตุทำให้น้องเบื่ออาหารในระยะยาว นอกจากจะทำให้น้องได้รับสารอาหารที่น้อยลงแล้วยังเสี่ยงต่อภาวะหมดสติและเสียชีวิตในที่สุด ทางที่ดีควรปรุงสุกก่อนให้น้องหม่ำทุกครั้งนะคะ

5. ตับ

หลายคนอาจเคยให้ตับกับน้องแมวเพราะคิดว่าน้องคงกินตับได้ จริง ๆ แล้วก็สามารถกินได้ค่ะ เพียงแต่ไม่ใช่ให้กินทุกวัน แบบนี้ก็ไม่ไหวนะคะ เพราะตับมีฤทธิ์เป็นพิษต่อการดูดซึมวิตามิน A ในร่างกายของแมว หากเอาให้น้องกินเป็นเวลานานอาจทำให้กระดูกของน้องเปราะง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้กระดูกเจริญเติบโตผิดปกติอีกด้วยค่ะ

6. ก้างปลาและกระดูก

หลายคนอาจเคยเห็นมาในทีวีว่าแมวชอบกินก้างปลาและกระดูก แต่จริง ๆ แล้วไม่ควรให้น้องทานเลยนะคะ เพราะก้างปลาและกระดูกอาจทิ่มคอหรืออวัยวะอื่น ๆ ภายในของแมว หากร้ายแรงอาจทิ่มกระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็กของแมวจนทะลุและมีเลือดออกในกระเพาะตามมาอีกด้วยค่ะ

7. ลูกอม หมากฝรั่ง

มีสารไซลิทอล (Xylitol) ที่ช่วยกระตุ้นการผลิตอินซูลินในร่างกายของน้องและทำให้ร่างกายมีน้ำตาลในกระแสเลือดมีปริมาณที่ลดลงอย่างรวดเร็วจนอาจเป็นอันตรายรุนแรงต่อตัวน้อง ไม่ว่าจะเป็นภาวะตับวาย อาเจียน หมดสติ เลือดออกในกระเพาะ หรืออาจถึงขั้นชักได้เลยทีเดียว แม้ว่าจะไม่ใช่อาการที่เกิดขึ้นทันทีแต่จะเกิดขึ้นหลังจากกินของเหล่านี้ไปแล้วประมาณ 2-3 วัน

8. กระเทียม หอมแดง หอมหัวใหญ่

แม้ว่าพืชผักเหล่านี้จะเป็นที่นิยมในการทำเป็นอาหารสำหรับใครหลายคน แต่อาจไม่ดีต่อสุขภาพแมวได้ด้วยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นแบบสุกหรือดิบก็ตาม เพราะพืชผักเหล่านี้มีฤทธิ์เข้าไปรบกวนการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดแดงและก่อให้เกิดภาวะโลหิตจาง นอกจากนี้ยังส่งผลเสียต่อกระเพาอาหารของน้องในระยะยาวได้อีกด้วยค่ะ

9. มะพร้าว

เป็นหนึ่งในผลไม้ที่ทั้งอร่อยและมีน้ำหอม ๆ ให้ดื่มเติมความสดชื่นให้ร่างกายที่ใคร ๆ ก็ชอบดื่มกัน บางคนอาจคิดว่าหน้าร้อนแบบนี้ก็อยากให้น้องดื่มน้ำมะพร้าวคลายร้อนเหมือนเรา แต่ในความเป็นจริงแล้วน้ำมะพร้าวมีปริมาณโพแทสเซียม (Potassium) และไขมันที่สูงเกินกว่าที่แมวควรได้รับ อาจทำให้น้องท้องอืดและท้องเสียได้หรือมีปัญหาต่อระบบทางเดินอาหารของน้องแมวได้

10. ผลไม้รสเปรี้ยว

หลายคนอาจไม่รู้มาก่อนว่าผลไม้รสเปรี้ยวนั้นอาจทำร้ายสุขภาพน้องแมวได้เช่นกัน เพราะผลไม้รสเปรี้ยวมีกรดซิตริก (Citric Acid) และน้ำมันหอมระเหยที่อาจทำให้ลำไส้ของน้องแมวปั่นป่วน หากได้รับในปริมาณมากเกินไปอาจทำให้ท้องร่วง อาเจียน และเกิดภาวะซึมเศร้าของระบบประสาทส่วนกลางได้ด้วยค่ะ

นอกจากการหลีกเลี่ยงอาหารทั้ง 10 ชนิดนี้แล้ว การดูแลเอาใจใส่น้องแมวก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน เพราะถ้าคุณไม่มีเวลาเล่นกับน้องเลย ปล่อยปละละเลย หรือเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับน้องแมวไม่ดี ไม่ว่าจะเป็นรถเข็นหรือห้องน้ำแมวก็ตาม ก็อาจทำให้สุขภาพกายสุขภาพจิตของน้องแย่ลงเรื่อย ๆ  และอาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ตามมาได้อีกด้วยค่ะ สำหรับใครก็ตามที่มีแพลนจะซื้อของใช้แมวอย่างอื่นเพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูสินค้าที่น่าสนใจจาก Petology Thailand ตามลิงก์นี้ได้เลยค่ะ >> สินค้าของเรา PETOLOGY

บทความที่น่าสนใจ

ซื้อของใช้แมว ที่ไหนดี ทำไมต้อง Petology Thailand

Petology Thailand

Petology Thailand เป็นศูนย์รวมนวัตกรรมสำหรับคนเลี้ยงสัตว์สมัยใหม่ เราเป็นกลุ่มวิศวกรรักสัตว์ที่ล้วนแต่เป็นทาสน้องหมาน้องแมวกันอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ด้วยความรักที่มีต่อน้อง ๆ และประสบการณ์ทางด้านวิศวกรที่มีมาอย่างยาวนานถึง 15 ปี เราจึงคัดสรรสินค้าคุณภาพดีที่สุดเพื่ออำนวยความสะดวกและตอบสนองความต้องการต่าง ๆ ให้แก่ผู้เลี้ยงสมัยใหม่ ทั้งในด้านของฟังก์ชันที่สะดวกต่อการใช้งาน, คุณภาพของสินค้าจากวัสดุคุณภาพสูง, ความปลอดภัยต่อผู้เลี้ยงและสัตว์เลี้ยง รวมถึงรูปลักษณ์ที่ทันสมัย โดนใจผู้เลี้ยงรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นห้องน้ำแมวอัตโนมัติ เครื่องให้อาหารแมว ของเล่นแมว รถเข็นสัตว์เลี้ยง ระบบดูแลสุขภาพ และสินค้าอื่นๆ อีกมากมาย

Petology Thailand ดำเนินการด้วยนโยบายการทำธุรกิจในรูปแบบของผู้ผลิตและพัฒนาสินค้า ส่งตรงถึงลูกค้า โดยมี 3 สิ่งที่เรายึดถือมาโดยตลอด ได้แก่ Integrity ความซื่อสัตย์ที่มีต่อลูกค้าและพนักงานในบริษัท, Quality คุณภาพของสินค้า และ Satisfaction ความพึงพอใจของลูกค้า ทั้งนี้ก็เพื่อให้ลูกค้าของเรารู้สึกอุ่นใจและได้รับความพึงพอใจมากที่สุดจากการให้บริการของเรา

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม: สินค้าของเรา PETOLOGY

 

บทความล่าสุด

location
บริษัท เพ็ทโทโลจี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เลขที่ 47/356 อาคารไคตัค ชั้น 10 ถ. ป๊อปปูล่า ต. บ้านใหม่ อ. ปากเกร็ด จ. นนทบุรี 11120

© 2024 Petology. All Rights Reserved.